ระบบสารสนเทศทางการตลาด
คอตเลอร์ได้ให้คนิยามว่า รับบสารสนเทศทางการตลาด หมายถึง ระบบที่ประกอบด้วยคน เครื่องมืออุปกรณ์และกระบวนการเก็บรวบรวม จำแนกแยกประเภทวิเคราะห์และประเมิน ตลอดจนการแจกจ่ายสารสนเทศที่ถูกต้องแม่นยำ ทันเวลาและตรงตามความต้องการ มีระบบย่อย ดังนี้
1. ระบบระเบียนข้อมูลในกิจการ
2. ระบบอัจฉริยะทางการตลาด
3. ระบบวิจัยการตลาด
4. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางการตลาด
5. ระบบพนากรณ์ยอดขาย
หลักการตลาด
1. ระบบระเบียนข้อมูลในกิจการ
2. ระบบอัจฉริยะทางการตลาด
3. ระบบวิจัยการตลาด
4. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางการตลาด
5. ระบบพนากรณ์ยอดขาย
หลักการตลาด
1. ความหมาย คอตเลอร์และอาร์มสตรองได้ให้คำนิยามว่าการตลาด หมายถึง กระบวนการทางสังคมและการจัดการที่มุ่งสนองถึงความจำเป็น และความต้องการให้กับบุคคลและกลุ่มต่างๆ โดยอาศัยการสร้างสรรค์ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนคุณค่าและผลิตภัณฑ์ให้กับผู้อื่น
สรุปได้ว่า ปัจจุันองค์การธุรกิจมีการใช้ปรัชญาทางการตลาด 2 แนวทาง คือปรัชญาด้านการตลาดและปรัชญาด้านการตลาดเพื่อสังคม ซึ่งประกอบด้วยหลักการ 3 ข้อ ดังนี้
สรุปได้ว่า ปัจจุันองค์การธุรกิจมีการใช้ปรัชญาทางการตลาด 2 แนวทาง คือปรัชญาด้านการตลาดและปรัชญาด้านการตลาดเพื่อสังคม ซึ่งประกอบด้วยหลักการ 3 ข้อ ดังนี้
1. จะต้องมีการตอบสนอง และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
2. จะต้องมีการบูรณาการและความร่วมมือของทุกฝ่ายในองค์กร
3. จะต้องมีการมุ่งเน้นไปที่ผลสำเร็จในระยะยาว และการให้ความสำคัญกับการจงรักภักดีของลูกค้าที่มีต่อองค์กร
2. องค์ประกอบทางการตลาด
2.1 การแลกเปลี่ยนทางการตลาด คือการโยกย้ายยหรือโอนสิ่งที่จับต้องได้หรือจับต้องไม่ได้
2.2 กลยุทธ์ทางการตลาด คือการกำหนดตลาดเป้าหมาย และการพัฒนาส่วนประสมทางการตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายต้ตลาดเป้าหมาย
2.3 กิจกรรมทางการตลาด คือต้องกระทำเพื่อการเคลื่อนย้ายผลิตภัฑณ์จากผู้ผลิตไปสู่ลูกค้าคนสุดท้าย
2.4 ตำแหน่งงานทางการตลาด คือการกำหนดตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับการตลาด โดยบางตำแหน่งอาจจะต้องการความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
2.5 สถาบันทางการตลาด คือองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษในกิจกรรมการตลาดเฉพาะทาง โดยองค์การเหล่านี้จะต้องเป็นผู้คอยช่วยเหลือธุรกิจด้านต่างๆ
3. การส่งมอบคุณค่าเพื่อลูกค้า
3.1 การเลือกคุณค่า ในส่วนนี้ต้องทำการวิเคราะห์เพื่อความเข้าใจถึงความจำเป็นของลูกค้า
3.1.1 การแบ่งส่วนตลาด คือการตัดสินใจว่าส่วนตลาดใด คือโอกาสในการบรรลุเป้าหมาย โดยอาจใช้เกณฑ์หลายลักษณะ เช่น เกณฑ์ภูมิศาสตร์ ประชากรศาสตร์
3.1.2 การกำหนดตลาดเป้าหมาย คือทำการประเมินความน่าสนใจของแต่ละส่วนตลาด และเลือกตลาดที่มีโอกาสสร้างคุณค่าแก่ลูกค้ามากที่สุด
3.1.3 การวางตำแหน่งมูลค่าตลาด คือการจัดตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ที่มีความชัดเจน มีลักษณธเฉพาะและสร้างความพึ่งปราถนาภายในจิตใจของลูกค้า
3.2 การจัดหาคุณค่า ในส่วนที่องค์การต้องการอาศัยกระบวนการพัฒนาส่วนประสมการตลาดในส่วนของผลิตภัณฑ์ ราคา และช่องทางการจำหน่าย
3.2.1 ผลิตภัณฑ์ คือสิ่งใดๆก็ตามที่เสนอให้แก่ตลาด เพื่อสร้างความสนใจ ความเป็นเจ้าของ โดยตอบสนองถึงความจำเป็นและความต้องการของลูกค้าเท่านั้น
3.2.2 ราคา คือมูลค่าที่กำหนดไว้สำหรับการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ หรือจำนวนเงินที่ลูกค้าต้องจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์นั้น
3.2.3 การจัดจำหน่าย คือการจัดกิจกรรม หรอวิธีการเพื่อให้ผลิตภัฑณ์ไปสู้กลุ่มลูกค้าในตลาดเป้าหมาย เพือให้บรรลุจุดมุ่งหมายของการแลกเปลี่ยน
3.3 การสื่อคุณค่า ในส่วนนี้องค์การต้องอาศัยกระบวนการพัฒนาส่วนประสมทางการตลาดในส่วนการสื่อสารการตลาดเข้าช่วย เพื่อสื่อสารถึงข้อดีของผลิตภัณฑ์
3.3.1 การโฆษณา คือช่องทางที่ไม่ใช้บุคคล แต่ใช้สื่อสารโฆษณาใในการแจ้งข่าวสาร
3.3.2 การขายโโยบุคคล คือช่ิองทางการสื่อสารซึ่งใช้พนักงานขายที่มีความรู้ในผลิตภัฑณ์เป็นอย่างดี สามารถนำเสนอจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ให้กลุ่มลูกค้าที่คาดหวังเก็นได้
3.3.3 การส่งเสริมการขาย คืการใช้เครื่องมือส่งเสริมการขายในรูปของการลดราคา การแลกซื้อสินค้าพรีเมียม การแจกตัวอย่างสินค้า และการแถมสินค้า วิธีนี้ใช้กับผลิตภัฑณ์ความเกี่ยวเนื่องต่ำ
3.3.4 การประชาสัมพันธ์ คือการสื่อสารสร้างความเข้าใจอันดีกับกลุ่มลูกค้า คนกลางในช่องการทางการจัดจำหน่าย หน่วยงานรัฐ สถาบันการเงิน และบริษัทตัวแทนโฆษณา
3.3.5 การตลาดโดยตรงได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยอาจเลือกใช้สื่อโทรศัพท์ หรือจดหมายส่งตรงถึงลูกค้า ซึ่งทำให้การขายเกิดขึ้นง่าย
3.3.6 การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ หรือการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร คือการเลือกสรรเครื่องมือการสื่อสารที่เหมาะสมกับประเภทของผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนลักษณะตลาด
3.3.7 การสื่อสารตราสินค้า คือการสร้างส่วนทุนตราสินค้า หรือสร้างคุณค่าของตราสินค้า ซึ่งนำไปสู่ความจงภักดีในตราสินค้าได้
4. บทบาททางการตลาด
4.1 ช่วยแก้ปัญหาด้านผลการดำเนินงานขององค์การที่ประสบภาวะขาดทุน โดยดำเนินโปรแกรมการตลาด เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของผลิตภัณฑ์และบริการ และอาศัยการวิจัยการตลาดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ
4.2 ช่วยแก้ปัญหาด้านการครอบครองส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยมีแนวโน้มของการควบรวมบริษัทต่างๆ เข้าด้วยกัน ทั้งในส่วนของธุรกิจประเภทเดียวกน
4.3 ช่วยให้พนักงานที่ทีพื้นฐานและประสบการณ์ทางการตลาดประสบผลสำเร็จและมีความก้าวหน้าในอาชีพในฐานะผู้บริหารระดับสูงของกิจการ
2.1 การแลกเปลี่ยนทางการตลาด คือการโยกย้ายยหรือโอนสิ่งที่จับต้องได้หรือจับต้องไม่ได้
2.2 กลยุทธ์ทางการตลาด คือการกำหนดตลาดเป้าหมาย และการพัฒนาส่วนประสมทางการตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายต้ตลาดเป้าหมาย
2.3 กิจกรรมทางการตลาด คือต้องกระทำเพื่อการเคลื่อนย้ายผลิตภัฑณ์จากผู้ผลิตไปสู่ลูกค้าคนสุดท้าย
2.4 ตำแหน่งงานทางการตลาด คือการกำหนดตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับการตลาด โดยบางตำแหน่งอาจจะต้องการความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
2.5 สถาบันทางการตลาด คือองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษในกิจกรรมการตลาดเฉพาะทาง โดยองค์การเหล่านี้จะต้องเป็นผู้คอยช่วยเหลือธุรกิจด้านต่างๆ
3. การส่งมอบคุณค่าเพื่อลูกค้า
3.1 การเลือกคุณค่า ในส่วนนี้ต้องทำการวิเคราะห์เพื่อความเข้าใจถึงความจำเป็นของลูกค้า
3.1.1 การแบ่งส่วนตลาด คือการตัดสินใจว่าส่วนตลาดใด คือโอกาสในการบรรลุเป้าหมาย โดยอาจใช้เกณฑ์หลายลักษณะ เช่น เกณฑ์ภูมิศาสตร์ ประชากรศาสตร์
3.1.2 การกำหนดตลาดเป้าหมาย คือทำการประเมินความน่าสนใจของแต่ละส่วนตลาด และเลือกตลาดที่มีโอกาสสร้างคุณค่าแก่ลูกค้ามากที่สุด
3.1.3 การวางตำแหน่งมูลค่าตลาด คือการจัดตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ที่มีความชัดเจน มีลักษณธเฉพาะและสร้างความพึ่งปราถนาภายในจิตใจของลูกค้า
3.2 การจัดหาคุณค่า ในส่วนที่องค์การต้องการอาศัยกระบวนการพัฒนาส่วนประสมการตลาดในส่วนของผลิตภัณฑ์ ราคา และช่องทางการจำหน่าย
3.2.1 ผลิตภัณฑ์ คือสิ่งใดๆก็ตามที่เสนอให้แก่ตลาด เพื่อสร้างความสนใจ ความเป็นเจ้าของ โดยตอบสนองถึงความจำเป็นและความต้องการของลูกค้าเท่านั้น
3.2.2 ราคา คือมูลค่าที่กำหนดไว้สำหรับการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ หรือจำนวนเงินที่ลูกค้าต้องจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์นั้น
3.2.3 การจัดจำหน่าย คือการจัดกิจกรรม หรอวิธีการเพื่อให้ผลิตภัฑณ์ไปสู้กลุ่มลูกค้าในตลาดเป้าหมาย เพือให้บรรลุจุดมุ่งหมายของการแลกเปลี่ยน
3.3 การสื่อคุณค่า ในส่วนนี้องค์การต้องอาศัยกระบวนการพัฒนาส่วนประสมทางการตลาดในส่วนการสื่อสารการตลาดเข้าช่วย เพื่อสื่อสารถึงข้อดีของผลิตภัณฑ์
3.3.1 การโฆษณา คือช่องทางที่ไม่ใช้บุคคล แต่ใช้สื่อสารโฆษณาใในการแจ้งข่าวสาร
3.3.2 การขายโโยบุคคล คือช่ิองทางการสื่อสารซึ่งใช้พนักงานขายที่มีความรู้ในผลิตภัฑณ์เป็นอย่างดี สามารถนำเสนอจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ให้กลุ่มลูกค้าที่คาดหวังเก็นได้
3.3.3 การส่งเสริมการขาย คืการใช้เครื่องมือส่งเสริมการขายในรูปของการลดราคา การแลกซื้อสินค้าพรีเมียม การแจกตัวอย่างสินค้า และการแถมสินค้า วิธีนี้ใช้กับผลิตภัฑณ์ความเกี่ยวเนื่องต่ำ
3.3.4 การประชาสัมพันธ์ คือการสื่อสารสร้างความเข้าใจอันดีกับกลุ่มลูกค้า คนกลางในช่องการทางการจัดจำหน่าย หน่วยงานรัฐ สถาบันการเงิน และบริษัทตัวแทนโฆษณา
3.3.5 การตลาดโดยตรงได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยอาจเลือกใช้สื่อโทรศัพท์ หรือจดหมายส่งตรงถึงลูกค้า ซึ่งทำให้การขายเกิดขึ้นง่าย
3.3.6 การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ หรือการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร คือการเลือกสรรเครื่องมือการสื่อสารที่เหมาะสมกับประเภทของผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนลักษณะตลาด
3.3.7 การสื่อสารตราสินค้า คือการสร้างส่วนทุนตราสินค้า หรือสร้างคุณค่าของตราสินค้า ซึ่งนำไปสู่ความจงภักดีในตราสินค้าได้
4. บทบาททางการตลาด
4.1 ช่วยแก้ปัญหาด้านผลการดำเนินงานขององค์การที่ประสบภาวะขาดทุน โดยดำเนินโปรแกรมการตลาด เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของผลิตภัณฑ์และบริการ และอาศัยการวิจัยการตลาดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ
4.2 ช่วยแก้ปัญหาด้านการครอบครองส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยมีแนวโน้มของการควบรวมบริษัทต่างๆ เข้าด้วยกัน ทั้งในส่วนของธุรกิจประเภทเดียวกน
4.3 ช่วยให้พนักงานที่ทีพื้นฐานและประสบการณ์ทางการตลาดประสบผลสำเร็จและมีความก้าวหน้าในอาชีพในฐานะผู้บริหารระดับสูงของกิจการ
สารสนเทศทางการตลาด
1. ความหมาย
สารสนเทศทางการตลาด หมายถึง สารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลของระบบสารสนเทศทางการตลาด ซึ่งอาศัยขอมูลและสารสนเทศทั้งจากภายในและภายนอกองค์การ โดยใช้กิจกรรมสนับสนุนทางการตลาดทั้งในส่วนของการพัมนาผลิตภัณฑ์การจัดจำหน่าย การตั้งราคาผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจทางการตลาด การสื่อสารทางการตลาด และการพยากรณ์ยอดขาย
2. ประเภท
2.1 สารสนเทศเชิงปฏิบัติการ ได้รับจากการปฏิบัติงานด้านการตลาดเพื่อสร้างยอดขายของธุรกิจ
2.1.1 สารสนเทศด้านลูกค้า
2.1.2 สารสนเทสด้านการขาย
2.1.3 สารสนเทศด้านสินค้า
2.2 สารสนเทศเชิงบริหาร ใช้สนับสนุนงานการบริหารตลาด และการพัฒนาส่วนประสมของการตลาด
2.2.1 สารสนเทศด้านการพัฒนา
2.2.2 สารสนเทศด้านการสื่อสารการตลาด
2.2.3 สารสนเทศด้านการตั้งราคาสินค้าหรือบริการ
2.2.4 สารสนเทศด้านพยากรณ์ยอดขาย
2.3 สารสนเทศภายนอกองค์การ ได้มาจากกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูลจากสภาพแวดล้อมภายนอก
2.3.1 สารสนเทศด้านการวิจัยการตลาด
2.3.2 สารสนเทศด้านข่าวกรองทางการตลาด
สารสนเทศทางการตลาด หมายถึง สารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลของระบบสารสนเทศทางการตลาด ซึ่งอาศัยขอมูลและสารสนเทศทั้งจากภายในและภายนอกองค์การ โดยใช้กิจกรรมสนับสนุนทางการตลาดทั้งในส่วนของการพัมนาผลิตภัณฑ์การจัดจำหน่าย การตั้งราคาผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจทางการตลาด การสื่อสารทางการตลาด และการพยากรณ์ยอดขาย
2. ประเภท
2.1 สารสนเทศเชิงปฏิบัติการ ได้รับจากการปฏิบัติงานด้านการตลาดเพื่อสร้างยอดขายของธุรกิจ
2.1.1 สารสนเทศด้านลูกค้า
2.1.2 สารสนเทสด้านการขาย
2.1.3 สารสนเทศด้านสินค้า
2.2 สารสนเทศเชิงบริหาร ใช้สนับสนุนงานการบริหารตลาด และการพัฒนาส่วนประสมของการตลาด
2.2.1 สารสนเทศด้านการพัฒนา
2.2.2 สารสนเทศด้านการสื่อสารการตลาด
2.2.3 สารสนเทศด้านการตั้งราคาสินค้าหรือบริการ
2.2.4 สารสนเทศด้านพยากรณ์ยอดขาย
2.3 สารสนเทศภายนอกองค์การ ได้มาจากกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูลจากสภาพแวดล้อมภายนอก
2.3.1 สารสนเทศด้านการวิจัยการตลาด
2.3.2 สารสนเทศด้านข่าวกรองทางการตลาด
กระบวนการทางธุรกิจของระบบสารสนเทศ
1. ระบบระเบียบข้อมูลในกิจการ คือระบบการบันทึกข้อมูลพื้นฐานในองค์การซึ่งนำมาใช้กับการดำเนินกิจกรรมทางการตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
1.1 ระบบสารสนเทศทางการขาย คือระบบที่พัฒนาขึ้นด้วยความมุ่งหวังที่จะทราบยอดขายของธุรกิจในช่วงเวลาหนึ่ง โดยจะต้องเชื่อมโยงข้อมูลกับสารสนเทศอื่น
1.2 ระบบลูกค้าสัมพันธ์ คือระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นใช้งานด้านเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เพื่อสนับสนุนงานบริการให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุดและกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำในอนาคต
2. ระบบอัจฉริยะทางการตลาด คือระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมข่าวกรองทางการตลาด ที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่งและสภาพแวดล้อมทางการตลาด เพื่อนำมาตัดสินใจทางกลยุทธ์ และประเมินสถานการณ์ทางการแข่งขัน
3. ระบบวิจัยการตลาด ใคือระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้สนับสนุนด้านการวิจัยการตลาด โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ต้องการศึกษาอย่างเป็นทางการในสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง
4. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางการตลาด คอตเลอร์ได้นิยามไว้ว่าการนำเอาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์มาใช้ในการเก็บข้อมูล วางระบบโดยการประสานกันของเครื่องมือทางสถิติ ตัวแบบและเทคนิคการวิเคราะห์เชิงปริมาณ เพื่อช่วยให้องค์การสามารถเ็บรวบรวม เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานการดำเนินการด้านการตลาดต่อไป
4.1 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ คือระบบซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนสภาพวัตถุดิบเป็นสินค้าสำเร็จรูปหรือบริการ ที่มุ่งหวังในด้านคุณลักษณะทางกายภาพผลิตภัฑณ์
4.2 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้านการโฆษณาและส่งเสริมการขาย คือระบบที่ใช้สนับสนุนงานส่วนหนึ่งของการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ โดยธุรกิจมักใช้วิธีการโฆษณาและส่งเสริมการขายร่วมกัน เพื่อสื่อสารถึงลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของธุรกิจ
4.3 ระบบสนับสนุนการตัดสินใด้านการตั้งราคาผลิตภัณฑ์ คือระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนหน้าที่งานด้านการตั้งราคาผลิตภัณฑ์ โดยจำแนกเป็นการตั้งราคาขายปลีก ขายส่ง หรือราคาพร้อมส่วนลด ซึ่งมุ่งหวังยอดขายสุงสุด
4.4 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้านพยากรณ์ยอดขาย คคือระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อค้นหาโอกาสทางการตลาด และทำการพยากรณ์ศักยภาพในการทำกำไรของแต่ละโอกาสทางการตลาด เพื่อนำไปใช้สำหรับการจัดหาเงินสดในการลงทุนและการดำเนินงาน โดยมีขั้นตอนการพยากรณ์ยอดขาย ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 ทำการวัดอุปสงค์ของตลาด
ขั้นตอนที่ 2 ทำการพยากรณ์สักยภาพขงตลาด
ขั้นตอนที่ 3 ทำการกำหนดอุปสงค์ของบริษัท
ขั้นตอนที่ 4 ทำการคัดเลือกระดับความพยายามทางการตลาด
ขั้นตอนที่ 5 ทำการพยากรณ์ยอดขาย
1.1 ระบบสารสนเทศทางการขาย คือระบบที่พัฒนาขึ้นด้วยความมุ่งหวังที่จะทราบยอดขายของธุรกิจในช่วงเวลาหนึ่ง โดยจะต้องเชื่อมโยงข้อมูลกับสารสนเทศอื่น
1.2 ระบบลูกค้าสัมพันธ์ คือระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นใช้งานด้านเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เพื่อสนับสนุนงานบริการให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุดและกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำในอนาคต
2. ระบบอัจฉริยะทางการตลาด คือระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมข่าวกรองทางการตลาด ที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่งและสภาพแวดล้อมทางการตลาด เพื่อนำมาตัดสินใจทางกลยุทธ์ และประเมินสถานการณ์ทางการแข่งขัน
3. ระบบวิจัยการตลาด ใคือระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้สนับสนุนด้านการวิจัยการตลาด โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ต้องการศึกษาอย่างเป็นทางการในสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง
4. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางการตลาด คอตเลอร์ได้นิยามไว้ว่าการนำเอาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์มาใช้ในการเก็บข้อมูล วางระบบโดยการประสานกันของเครื่องมือทางสถิติ ตัวแบบและเทคนิคการวิเคราะห์เชิงปริมาณ เพื่อช่วยให้องค์การสามารถเ็บรวบรวม เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานการดำเนินการด้านการตลาดต่อไป
4.1 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ คือระบบซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนสภาพวัตถุดิบเป็นสินค้าสำเร็จรูปหรือบริการ ที่มุ่งหวังในด้านคุณลักษณะทางกายภาพผลิตภัฑณ์
4.2 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้านการโฆษณาและส่งเสริมการขาย คือระบบที่ใช้สนับสนุนงานส่วนหนึ่งของการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ โดยธุรกิจมักใช้วิธีการโฆษณาและส่งเสริมการขายร่วมกัน เพื่อสื่อสารถึงลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของธุรกิจ
4.3 ระบบสนับสนุนการตัดสินใด้านการตั้งราคาผลิตภัณฑ์ คือระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนหน้าที่งานด้านการตั้งราคาผลิตภัณฑ์ โดยจำแนกเป็นการตั้งราคาขายปลีก ขายส่ง หรือราคาพร้อมส่วนลด ซึ่งมุ่งหวังยอดขายสุงสุด
4.4 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้านพยากรณ์ยอดขาย คคือระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อค้นหาโอกาสทางการตลาด และทำการพยากรณ์ศักยภาพในการทำกำไรของแต่ละโอกาสทางการตลาด เพื่อนำไปใช้สำหรับการจัดหาเงินสดในการลงทุนและการดำเนินงาน โดยมีขั้นตอนการพยากรณ์ยอดขาย ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 ทำการวัดอุปสงค์ของตลาด
ขั้นตอนที่ 2 ทำการพยากรณ์สักยภาพขงตลาด
ขั้นตอนที่ 3 ทำการกำหนดอุปสงค์ของบริษัท
ขั้นตอนที่ 4 ทำการคัดเลือกระดับความพยายามทางการตลาด
ขั้นตอนที่ 5 ทำการพยากรณ์ยอดขาย
เทคโนโลยีทางการตลาด
1. โปรแกรมสเร็จรูปด้านการตลาด คือซอฟต์แวร์พาณิชย์ประเภทหนึ่งที่วางขายอยู่ในตลาดซอฟต์แวร์ ถูกพัฒนาขึ้นใช้เฉพาะกับงานด้านการตลาด และจำเป็นต้องใช้ร่วมกับระบบจัดการฐานข้อมูล เพื่อสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
1.1 โปรแกรมสำเร็จรูปด้านการขาย ต้องอาสัยการทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ระบบการขายและรับชชำระเงิน
1.2 โปรแกรมจัดการลูกค้าสัมพันธ์ คือโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่นำมาซึ่งการสร้างความสัมพันธ์เชิงธุรกิจกับลูกค้าระยะยาววัถุประสงค์เพื่อเพิมรายได้ให้กับองค์การ
1.3 โปรแกรมบริหารการขนส่ง คือการจัดการขนส่งเพื่อส่งมอบสินค้าหรือบริการให้ถึงมือลูกค้า
2. นวัตถกรรมด้านร้านค้าปลีก ปัจจุบันมีการจัดร้านค้าปลีกรูปแบบใหม่โดยมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทสมาช่วยอำนวยคามสะดวกด้านการเลือกวื้อสินค้า การตรวจสอบและรับชำระค่าสินค้า ซึ่งเป็นการลดกระบวนการซื้อและลดระยะเลาการรอคอย
3. หน่วยขายอัตโนมัติ เพื่อช่วยเพิมประสิทธิภาพการขายของพนักงานขาย โดยอยู่ในรูปแบบของการใช้มือถือเคลื่อนที่ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูลของบริษัทได้
4. การใช้งานอินทราเน็ต โดยใช้ในการควบคุมและติดต่อประสานงานในส่วนกิจกรรมขาย นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบคำสั่งซื้ของลูกค้า ข้อมุลการจัดสงสินค้าและชำระเงินตลอดจนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขายผ่านอินทราเน็ตด้วย
5. การใช้งานอินเทอร์เน็ต ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าบนเว็บ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ณ ที่บ้าน หรือสำนักงานของลูกค้า โดยไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานขาย
5.1 การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการนำเสนอสินค้าหรือบริการแก่ลูกค้าด้วยระบบดิจิตอลและยังเพิ่มเปอร์เซ็นต์การขายผลิตภัณฑ์จากผลิตภัณฑ์ปรกติ
5.2 การสื่อสารการตลาด สามารถเข้าถึงคนจำนวนมากด้วยวิธีการต่างๆและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการสื่อสาร เพื่อใช้ส่งข่าวสารต่อลูกค้าในเชิงโต้ตอบ
5.3 การโฆษณาออนไลน์ เพื่อโฆษณาและขายผลิตภัณฑ์ ผลดีคือช่วยลดค่าใช้จ่าย
5.4 การอีเล์ มีการรับส่งข่าวสารท่รวดเร็ว ต้นทุนต่ำ
5.5 ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ เป็นแหล่งรวมของผู้ต้องการซื้อและผู้ต้องการขายมีจุดมุ่งหมายที่สอดคล้องกัน
5.6 การพาณิชย์แบบเคลื่อนที่ เป็นรูปแบบหนึ่งของระบบส่งเสริมการขายของธุรกิจที่พกพาอุปกรณ์สื่อสารเข้ามา ณ บริเวณใกล้เคียงกับสำนักงานของบริษัท
5.7 การพาณิชย์แบบร่วมมือ ทันสมัยที่สุด และเปิดโอกาสให้หลายกิจกรรมทำงานร่วมกันแบบออนไลน์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ก่อให้เกกิดรายได้
6. การทำเมืองข้อมูลทางการตลาด การทำโกดังข้อมูลร่วมกับสารสนเทศทางการตลาด จะช่วยสร้างชุดเครื่องมืปรับการปฏิบัติการดีเลิศ สำหรับงานด้านการขายและการตลาด สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันให้ธุรกิจ สามารถพัมนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ให้แก่ธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น